
ย้อนชีวิตสุดพัง อ่ำ อัมรินทร์ หลงระเริงจนเกือบตายกลับมาได้เพราะสิ่งนี้...

แล้วมีจุดที่ควรจะปรับปรุงมันแย่เหลือเกินไหม ?
อ่ำ อัมรินทร์ : พฤติกรรม ความประพฤติของตัวเอง หลังจากที่ได้ประสบความสําเร็จ แน่นอนเลยความหลงระเริงมันมา หลงระเริงในตัวเองที่มียอดขายที่ดีขึ้น ทําประโยชน์ให้บริษัทมากขึ้น มีรายได้มากขึ้น อยากหยิบฉวยหยิบจับอะไร อยากทําอะไร เริ่มตามใจตัวเองมากขึ้น อยากซื้อรถคัน ไหน อยากได้อะไรชี้เอา อยากกินอยากอะไรสั่งเอา ใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่ายมากในการดื่ม โอเคไปทัวร์คอนเสิร์ตเราดื่มกันอยู่แล้วร็อคแอนด์โรล กลับบ้านแล้วก็ยังเป็นร็อคแอนด์โรลอยู่ ดื่มเสร็จเริ่มไปทํางานไม่ไหว เริ่มเบี้ยวงาน ไปกอง MV ไม่ทัน เอางี้ดีกว่าไม่รับผิดชอบแล้วกัน
สิ่งที่เรียนรู้จากเรื่องนี้คือ ?
อ่ำ อัมรินทร์ : การหลงระเริง แล้วก็มี A-Time จัดคอนเสิร์ต ตอนนั้นอัลบั้มชุดนิราศร็อกออกใหม่ๆ พี่ฉอดจัดคอนเสิร์ตที่สยามสแควร์ แต่ผมก็ดื่มกินตามประสา กินจนเลยกำหนดที่จะต้องไปงาน ไม่ไหวอีกแล้ว ก็มีโทรศัพท์โทรตามจากค่ายแกรมมี่ว่าให้ไปงานเดี๋ยวนี้นะ คือวงไปรอแล้ว เราไม่เอานอนดีกว่า แล้วก็มีคนใช้มาปลุกอยู่ตลอดเวลาว่าให้ไปรับโทรศัพท์ สุดท้าย พี่ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาคโทรมาบอกว่าให้ไปงานพี่ฉอดที่สยามด้วยครับ ถ้าไม่ไปก็จะงดการโปรโมทอัลบั้มชุดนี้ และไม่มีผลงานอีกต่อไป เราจะจบสิ้นกันแต่เพียงแค่นี้ ก็อาบน้ําอาบท่าแต่งตัวไปขึ้นรถไฟฟ้าไปถึงที่สยาม ลงรถไฟฟ้าขึ้นเวที ร้องเพลงแล้วก็จบงาน แล้วก็กลับมา มีหมายให้เข้าตึก แล้วก็เข้าไปขอโทษพี่ฉอด ซึ่งผมก็ขอโทษพี่ฉอดหลาย ๆ ครั้งแล้ว แล้วก็มีพวงมาลัยไปออกรายการพี่ฉอดแล้ว ครั้งนั้นก็น่าจะเป็นช่วงที่ตกต่ำสุด ในการใช้ชีวิตหลงระเริง ไม่รับผิดชอบ

อ่ำ อัมรินทร์ : ชีวิตมันก็ลุ่มๆ ดอนๆ ในการใช้ชีวิต มันก็ถือว่าเปื่อยเต็มที่แล้ว แล้วก็มีความรู้สึกอยากจะมีครอบครัวก็เลยแต่งงาน อายุ 33 ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก มันเริ่มมาจากคุณพ่อเห็นเราแบบไม่ไหว มีรายได้แต่สุรุ่ยสุร่าย ให้ปลูกบ้านให้มีบ้าน ให้มีที่อยู่ ให้มีครอบครัว ก็เลยตัดสินใจแต่งงาน มันเป็นเรื่องของลิขิตว่าเราต้องเจอคนนี้ เพื่อเราจะได้มีชีวิตเป็นแบบนี้ มันอาจจะมีดีมาก อาจจะมีไม่ดี แต่สุดท้ายถ้าไม่มีคนนี้ชีวิตเราจะเป็นวันนี้หรือเปล่า แล้วยิ่งมีลูกมันก็คือแบบที่สุด การที่ได้เห็นหน้าลูก น้องแอลลี่มองหน้าเด็กคนนั้นแล้วแบบว่าเราจะดูแลเขายังไง จะต้องดูแลยังไงให้เขามีชีวิตอยู่ที่ดีได้ จะต้องทํายังไง ตั้งแต่มีแอลลี่มาชีวิตเราก็เป็นปกติ ไม่ดื่ม ไม่ได้ปาร์ตี้หามรุ่งหามค่ำ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว
จากนั้นก็มีเรื่องของสุขภาพ ?
อ่ำ อัมรินทร์ : 47 สุขภาพแย่มาก ใช้คําว่าถ่อยที่สุดในชีวิตเลย เป็นคนที่เดินเหินกระฉับกระเฉงมาตลอดชีวิตเป็นนักกีฬา แต่ผลจากการที่วิเคราะห์เลยนะ ผลจากกรรมที่ตัวเองทําในการดื่มกินใช้ชีวิต มันก็เลยมีผลมาถึงอายุ 47 ซึ่งตอนนั้นมีความเครียดสะสมในเรื่องของงาน ในเรื่องของการเปลี่ยนผ่านทีวี ซึ่งเราทําทีวีอยู่ทํารายการอยู่ครับ มันเปลี่ยนเป็นทีวีดิจิตอล เราก็มีความมุ่งมั่นว่าอยากจะทํารายการเสนอตามช่องอะไรต่าง ๆ เริ่มลงทุนในการผลิตรูปแบบรายการต่าง ๆ เสนอช่อง เสร็จแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวังไว้ เลยรู้สึกผิดหวัง กลับมาดื่มกินหนักขึ้น หนักขึ้น ทําให้เกิดโรค ไปตรวจดูมียูริคต่ำมากอาการเริ่มหนักขึ้น เริ่มปวดข้อมือ เริ่มใช้การมือไม่ได้ เดินไม่ได้ ตัวเริ่มแข็ง นอนเหยียดตึง อยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว แล้วกล้ามเนื้อที่เคยขยับเขยื้อนเล่นเวท ออกตีกอล์ฟ เริ่มขยับไม่ได้ แขนเริ่มลีบ สุดท้ายผอม จากหนัก 82 แต่มีกล้ามเนื้อลงมาถึง 69 มือบวมหนักมาก อายคนถึงขนาดต้องเอาผ้าพันแผลมาพันไว้ ไม่ให้คนเห็นมือตัวเองที่เป่งและกําไม่ได้ สรุปแล้วมันคือโรครูมาตอยด์ โรคกระดูกอักเสบรุนแรงโดยไม่มีสาเหตุ คือภูมิแพ้ตัวเอง เดินไม่ได้ ขยับอะไรไม่ได้ ทํางานไม่ได้ เริ่มทําอะไรไม่ได้ เริ่มขายของ ขายทรัพย์สมบัติอะไรของตัวเองที่มีจนหมด ไม่เหลืออะไร เป็นอยู่ 3 ปี หนักมาก ใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ความหวังมันไม่มีเลย ริบหรี่มาก เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะกํามือได้เมื่อไหร่ แล้วเราไม่ได้ตีกอล์ฟแล้ว ไม่ได้ดูแลสิ่งที่เรียกว่าตัวเรา

อ่ำ อัมรินทร์ : มีความคิดว่ามันถึงเวลาที่มันคงต้องไป ถึงขั้นนั้นแล้วนะ เพราะทําอะไรไม่ได้แล้ว เป็นซากแล้ว ตรอมใจ พูดกับตัวเองแล้วก็ร้องไห้อยู่ในกระจก สงสารตัวเองมาก คนรอบข้างอยู่ พ่อแม่ พี่น้อง ครอบครัว ที่เขายังคอยความหวังว่าเราจะกลับมาได้ยังไง เราจะต้องกลับมาให้ได้ เราเป็นที่ห่วงของครอบครัวอยู่ ก็พยายามจะเเข็งใจ เริ่มเปลี่ยนชีวิตใหม่ จากที่เดินไม่ได้ ก็เริ่มพยายามจะขยับให้ได้ หาจุดยึดเหนี่ยว มีความศรัทธาหลาย ๆ อย่าง เลื่อมใสในพุทธศาสนา ไปปฏิบัติตัวในการบวชถวายในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วเราก็เริ่มปฏิบัติตัวดี ยึดมั่นในศีล
กลับมาเป็นร่างนี้ได้ เพราะอะไร ?
อ่ำ อัมรินทร์ : เพราะเราเองครับที่ให้กําลังใจตัวเอง ที่มีสิ่งที่ยึดมั่นที่ดี อยู่ได้ด้วยศีลของเรา ที่คอยคุ้มครองเราทั้งหมด มันอาจจะผิดพลาด ผิดหวัง สมหวังอะไรไป มันเป็นชั่วขณะ แค่นั้นเอง แต่สุดท้ายคือที่รอดตายมาได้ก็สติ ที่กลับมาทําอะไรได้อย่างที่ตัวเองตั้งใจไว้หลังจากที่สูญสิ้น หมดสิ้นไปแล้ว หมดหวังไปแล้ว แล้วเรากลับมาได้ก็อยู่ที่ตัวเองที่ตั้งใจที่จะทําอะไรให้มันดีกับตัวเองซะก่อน ก่อนที่จะไปหวังว่าเราจะต้องประสบความสําเร็จ เป้าหมายรายการเราก็คือว่าได้มองภาพใหญ่กรอบของชีวิตว่า ได้เห็นว่าวันที่เราขึ้น วันที่เราลง วันที่เราสุข วันที่เราติดลบ อะไรก็แล้วแต่ มันเกิดขึ้นกับตัวเรา ผ่านมาได้เพราะตัวเรา










Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday