จิ๊ก เนาวรัตน์ ทั้งรักทั้งเห่อน้องโนอาห์ เพราะอะไรไม่ให้ของรับขวัญหลาน
จิ๊ก : มีคนถามพี่ตลอดหลานคนแรกเป็นยังไง ได้เลี้ยงไหม ได้อุ้มไหม คือตอนนี้โนอาห์อายุ 1 ขวบ 1 เดือนคือตั้งแต่เล็กๆ แรกเกิดคุณแม่ของลูกสะใภ้ก็มาเลี้ยงให้พี่เองก็ไม่ได้ค่อยเข้าไปยุ่งเท่าไหร่
แต่ได้ข่าวว่าคุณย่าหลงหลานมาก?
จิ๊ก : รักสิคะคือก็อย่างนี้ไม่หลงได้ยังไงเขาน่ารัก
เจเจ : หลงหลานมาก อย่างตอนที่โนอาห์ไม่สบายพอจะออกจากโรงพยาบาลย่าก็ซื้อรถเข็นเด็กให้ใหญ่ๆ แล้วกลับมาที่บ้านก็มีอีก 2 คัน
เห็นว่าตอนรับขวัญหลานไม่ได้ให้ของอะไรเพราะอะไร?
จิ๊ก : ไม่ได้ให้เลยค่ะตอนที่เขาคลอดออกมาเราไม่ได้ให้อะไรเลยเพราะเห็นว่าไม่ได้จำเป็นต้องให้แต่เห็นว่าเขาคลอดมาแล้วแต่ก่อนคลอดเราก็พาไปซื้อของซื้อนั่นซื้อนี่แล้วก็ต้องอยู่กับเราตลอดไปเพราะฉะนั้นเรามีอะไรเราก็ซื้อให้เขาได้
จิ๊ก : ก็เป็นเยอะนะก็เป็นแสนคือเดี๋ยวนี้ของเด็กอะไรก็แพง
น้องโนอาห์เขาเหมือนใคร
เชอร์รี่ (ลูกสะใภ้) : เขาเหมือนพ่อคือนิสัยหลายๆ อย่างเขาก็เหมือนพ่ออย่างนิสัยที่เหมือนคุณพ่อเขา ก็คือเรื่องขี้เซามีอะไรไม่พอใจก็จะเบะหน้า
พัฒนาการของน้องโนอาห์เป็นยังไงบ้าง?
จิ๊ก : พัฒนาการของโนอาค่อนข้างเร็วคือเราเองก็ไม่รู้หรอกว่าเด็กคนอื่นเร็วไหมเพราะเราก็ไม่ได้สัมผัสแต่คือจากที่เราสัมผัสเด็ก 1 ขวบเรารู้สึกว่าเขาเร็วมากอย่างถ้าเราส่งแปรงสีฟันให้เขา เขาก็เอาเข้าไปแปรงฟันเอง ส่งหวีให้เขาก็จะหวีเอง คืออย่างเขาจะรู้ว่าที่บ้านมีไฟกี่หลอด เขาก็จะเปิดหลอดนี้ แล้วเขาก็จะเดินไป เพื่อเปิดอีกหลอดนึงคือเราจะสอนเขาแค่ครั้งเดียวว่า โนอาห์ทำแบบนี้นะและตั้งแต่นั้นเขาจะทำของเขาเองหมด 1 ขวบ 1 เดือนเขาทานข้าวเองได้แล้วด้วย
อีกหนึ่งความเก่งคือล่าสุดน้องโนอาห์ไปลงแข่งเข็นของเล่น
เจเจ : คือเป็นการแข่งเข็นรถของเล่นได้อันดับที่ 3 ซึ่งเป็นการแข่งครั้งแรกของเขา
เชอร์รี่ : คือเราไม่ได้พาเขาไปฝึกอะไรเลยเขาเห็นจากที่เพื่อนๆ ไถเขาก็ไถตาม
จิ๊ก : จริงๆ ต้องได้ที่ 2 นะแต่พอดีตอนนั้นมันติดพรมในสนามแล้วเขาเองก็ไถไม่เป็นเพราะไม่เป็นมันก็เลยติดเขาก็เลยทิ้งแล้วเดินออกไปเลย
จิ๊ก : แม่นมากเขาจะเป็นเวลาตกเย็นเขาจะรู้เลยว่าเขาจะต้องออกนอกบ้านพอไม่ได้ออกเขาจะหงุดหงิด
เชอร์รี่ : เขามีเพื่อนๆในหมู่บ้านอย่างเวลาที่ขับรถผ่านบ้านเพื่อนเขาก็จะชี้คือเขาจะจำได้
เห็นว่าส่งเรียนดำน้ำตั้งแต่อายุ 4 เดือน?
จิ๊ก : ใช่พ่อแม่เขาพากันไปเรียนเราเองไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอกเพราะเด็กเดี๋ยวนี้นะอย่างตอนเราเกิดไม่มีแบบนี้
ได้ข่าวว่าวิธีการเลี้ยงหลานของลูกชายในช่วงแรกก็ทะเลาะกับ "ย่าจิ๊ก" หนักมาก?
จิ๊ก : อย่างเรื่องการส่งหลานไปเรียนว่ายน้ำตั้งแต่ 4 เดือนเราเองก็ไม่เห็นด้วยคือความคิดเราก็กลัวว่าลงไปแล้วเด็กจะหายใจไม่ออกเขาจะหายใจเองไม่เป็นเราก็บ่นว่าประหลาดนะลูกอายุแค่ 4 เดือนเองเอารูปไปลงน้ำแต่คือพ่อแม่เขารู้กันไงแต่เราไม่รู้ไงเพราะเราเป็นคนโบราณไง อย่างเรื่องที่ให้ลูกกินข้าวเองเราเองก็ไม่เข้าใจในตอนแรกว่า ทำไมไม่ป้อนแต่เขาก็มีวิธีการเลี้ยงแบบของเขาเราก็ทำความเข้าใจเขาก็มาบอกเราว่าแม่ทุกอย่างมันต้องมีการพัฒนาเด็กเองเขาก็ต้องเรียนรู้เราก็มีแอบคิดนะว่าครอบครัวคนอื่นเขาเป็นแบบนี้ไหม และเราก็คิดว่าครอบครัวคนอื่นก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกันเพราะมันมีความแตกต่างในเรื่องของวัยเพราะตอนสมัยของเราเรียนว่ายน้ำเราเรียนเหมือนลูกหมาตกน้ำคือว่ายเองตกน้ำไปก็ตีๆๆตะกุยเองแม่ไม่ได้มาสอนไม่ได้มีครูมาคอยสอนมันไม่เหมือนสมัยนี้สมัยนั้นเวลาตุ๊กตาตกน้ำไปคือเราจะเอาตุ๊กตาก็ต้องกระโดดลงน้ำไปกลัวตายก็กลัวก็ว่ายเป็นลูกหมาตกน้ำเพื่อจะเอาตุ๊กตา
จิ๊ก : ก็คือคุยกันแล้วก็ทำความเข้าใจกันยอมรับว่ามันก็มีบางส่วนที่เรายังไม่เข้าใจแต่เราก็ไม่เข้าไปยุ่งไงเพราะว่าเขามีครอบครัวของเขาคือเจเจถึงจะเป็นลูกของเราก็จริงแต่เมื่อเขาตัดสินใจแยกบ้านไปสร้างครอบครัวของเขามันก็ต้องเป็นหน้าที่ของเขาแล้วเราเองจะเข้าไปยุ่งมันก็ไม่ควรคือเราอาจจะไม่ได้ยอมรับในการเลี้ยงลูกของเขา 100% แต่เราก็เคารพในการตัดสินใจของเขาเราต้องปล่อยเขาเพราะมันเป็นครอบครัวของเขา
เจเจ : เราก็บอกแม่ว่าเราเองก็มีวิธีของเราในการเลี้ยงลูกเราก็อยากให้คุณแม่เคารพซึ่งคุณแม่เองเขาก็ไม่ได้จะว่าอะไรเขาก็โอเคแต่เราก็รู้แหละว่าบางอย่างเราเห็นสีหน้าเขาว่าเขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ในบางครั้ง คุณแม่เองเขาก็มีมุมดุเขาจะใช้เสียงดุ
จิ๊ก : คือหน้าตาเราตอนเอาจริงคนจะเห็นแล้วจะกลัวว่าดุจังแต่จริงๆแล้วไม่คือเราเป็นคนพูดตรงและเป็นคนที่พูดจริงแล้วก็เป็นคนที่ทำจริงคนก็อาจจะกลัวอย่างเวลาที่เราพูดดุๆลูกเองเขาก็ไม่ชอบเราเองก็ไม่ชอบมันก็เลยเกิดความที่ไม่เข้าใจกัน
แล้วกับลูกสะใภ้ล่ะ ?
จิ๊ก : เขาสองคนผัวเมียก็ไปเทรนกันเอง
เชอร์รี่ : คือเราเองก็ไม่ได้เถียงกับคุณแม่ก็จะให้สามีไปเป็นกระบอกเสียงให้
จิ๊ก : อย่างลูกสะใภ้เขาไม่ชอบอะไรเรา เขาก็จะบอกลูกชายเรามาเพราะว่าแฟนเขาก็ลูกเราลูกเราก็จะเจี๋ยมเจี้ยมมาแล้วคือเรารู้เลยว่าเดินคอตกมาเมื่อก่อนเราเข้าใจก่อนที่เขาจะแต่งงานกันเราเข้าใจเลยแต่ ณ วันนี้เมื่อเขาแต่งงานมีครอบครัวมีลูกแล้วเราเองก็ต้องเข้าใจว่าพื้นที่อันนั้นมันเป็นพื้นที่ของเขาเราไม่ควรเข้าไปเกี่ยวคือเมื่อก่อนเราเข้าไปเกี่ยวเพราะเราอยากให้เขาเป็นสะใภ้ที่น่ารักเป็นสะใภ้ที่ดีรักเราเอาใจเราแต่พอเราหันไปมองมุมนึงว่าเขาถูกเลี้ยงมาแบบนี้ครอบครัวเขาเลี้ยงเขามาแบบนี้ในเมื่อเขามาเป็นสะใภ้เราเขารักลูกเราดูแลลูกเราแล้วทำไมเราต้องกลายพันธุ์ให้เขามาเป็นคนที่รักเราล่ะมันไม่จำเป็นแล้วไงแต่เมื่อก่อนที่คิดแบบนั้นเลย
แต่ณบัดนี้ไม่คิดแล้ว เราไม่สามารถไปเปลี่ยนนิสัยผู้หญิงคนนี้ให้เขาเป็นแบบนี้ได้เพราะว่าอะไรเพราะว่าเขาใช้ชีวิตกันสองคนเราไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายแต่ถ้าเราเข้าไปก้าวก่ายครอบครัวเขาพังพินาศแล้วอันนี้ก็คือลูกเราที่เรารักแล้วเราต้องการให้ครอบครัวของลูกเราพังหรอในเมื่อเรารักลูกเราเราก็ต้องรักลูกสะใภ้ด้วย แต่มันก็มีบางอารมณ์ที่เขาไม่เข้าใจเราเราก็ต้องเดินถอยออกมาอย่าเคลียร์แล้วไอ้ที่จะไปพูดว่าฟังนะฉันบอกอย่างนั้นอย่างนี้เธอต้องฟังฉันอย่าทำอย่าพยายามที่จะไปเคลียร์เพราะถ้าเคลียร์ปุ๊บพังปั๊บจบกันเราจะเสียทั้งหลานเราจะเสียทั้งลูกเราจะเสียทั้งหมดทุกอย่างเลย เมื่อลูกเราไปมีครอบครัวมีหลานมันทำให้ความคิดเราเปลี่ยนไปเลยคือตั้งแต่มีโนอาห์เราก็เปลี่ยนเลย